(2996) เปิดลึก เบื้องหลังการจากไปของศิลปินดัง มากความสามารถ ( ประวัติละเอียด ของ แดน บุรีรัมย์ )
[เพลง] สุดแสนอาลัยแดนบุรีรัมย์จากไปไม่มีวัน กลับเป็นความสูญเสียของวงการลูกทุ่งและวง การตลกเมื่อครูแดนบุรีรัมย์ศิลปินชื่อดัง มากความสามารถได้ล่วงลับไปเมื่อไม่กี่วัน มานี้ดังที่สื่อต่างๆได้นำเสนอข่าวไปวัน นี้เรามีข้อมูลประวัติและรายละเอียดอื่นๆ ที่ยังไม่มีผู้นำเสนอมาฝากแฟนๆเราขอร่วม ไว้อาลัยครูแดนบุรีรัมย์ด้วยคลิปนี้นะ ครับอาจารย์สัมพันธ์พัทลุงผู้คร่ำหบอดใน วงการลูกทุ่งได้โพสต์ไว้อาลัยพร้อมทั้ง เล่าประวัติโดยละเอียดของครูแดนบุรีรัมย์ ไว้ดังนี้ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อการจากไปของพี่แดนบุรีรัมย์นักร้องนัก
ดนตรีศิลปินตลกนักจัดรายการวิทยุคัมภีร์ ลูกทุ่งคนสำคัญอีกคนหนึ่งของเมืองไทยท่าน ถึงแกกรรมเมื่อตอนเย็นของวันศุกร์ที่ 13 ธันวาคมปี 2567 ที่ศูนย์การแพทย์กาญจนา พิเษกศาลายาหลังจากเข้ารับการรักษาตัว เมื่อ 3 วันที่ผ่านมาสิริอายุได้ 79 ปี เจ้าภาพตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดไร่ขิงพระ อารามหลวงจังหวัดนครปฐมศาลา 1 กำหนดรถน้ำ ศพวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคมและมีพิธีสูดพระ อภิธรรม 8 คืนคือตั้งแต่วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคมถึงวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคมปี 2567 เวลา 19:00 นและมีพิธีพระราชทานเพลิงศพใน วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมาคมปี 2567 เวลา 16:00 นแดนบุรีรัมย์มีชื่อจริงว่าบุญ
ชื่นบุญเกิดรำเกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน ปี 2488 เป็นบุตรของนายโอนางโป๊ะบุญเกิด รำมีพี่น้อง 5 คนเป็นคนที่ 2 จบการศึกษา ชั้นม 6 จากวิทยาลัยการช่างบุรีรัมย์หรือ วิทยาลัยเทคนิคในขณะที่เรียนหนังสือก็ได้ เรียนรู้เรื่องการร้องเพลงและเรียนดนตรี ไปด้วยจนได้เป็นนักร้องและนักดนตรีของโรง เรียนพอจบการศึกษาก็มีความใฝ่ฝันจะเป็น นักร้องวันหนึ่งเขาได้อ่านหนังสือพิมพ์ เจอข่าวว่าวงดนตรีกแก้วประเสริฐรับสมัคร นักร้องจึงได้ชักชวนเพื่อนรุ่นพี่คือเด่น สมานมิตรเดินทางเข้ากรุงเทพในปี 2506 ทั้ง 2 คนก็ได้พากันเข้ากรุงเทพฯแล้วไปหา ครูกแก้วประเสริฐที่สำนักพิมพ์หนังสือ
บรรลือสาแถวสะพานผ่านฟ้าซึ่งครูกอทำงาน อยู่ที่นั่นแต่เวลานั้นครูกอยังไม่มีเวลา ว่างจึงนัดให้ทั้งสองไปทดสอบเสียงที่บ้าน ท่านแถวสะพานขาวหลังเลิกงานเมื่อถึงเวลา ทดสอบเสียงเด่นสมานมิตรร้องเพลงแนวชาย เมืองสิงห์ส่วนบุญชื่นบุญเกิดรำร้องเพลง ของโฆสิตนพคุณครูกแก้วประเสริฐให้ร้องคน ละครึ่งเพลงเมื่อเห็นว่าเสียงดีก็รับไว้ ทั้ง 2 คนแรกๆครูกอให้พักอยู่ที่บ้านของ ท่านและทั้ง 2 คนก็ตั้งชื่อนักร้องให้ตัว เองว่าเด่นบุรีรัมย์และแดนบุรีรัมย์หลัง จากอยู่กับครูกแก้วประเสริฐหลายเดือนก็ ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เป็นนักร้องเห็น ท่าไม่ค่อยดีเด่นบุรีรัมย์จึงขอไปเรียน
ต่อที่วิทยาลัยเพาะช่างส่วนแดนบุรีรัมย์ ขออนุญาตกลับบ้านแต่ก่อนจะกลับแดนได้แวะ ไปอยู่กับเพชรพนมรุ้งเนื่องจากชื่นชอบ เพลงโฮและตัวเองก็ร้องเพลงโหได้ด้วยทดลอง ร้องเพลงโฮกับวงดนตรีเพชรพนมรุ้งอยู่ได้ ระยะหนึ่งก็กลับบ้านในปี 2508 เด่น บุรีรัมย์มีชื่อเสียงโด่งดังกับเพลงคิดดู ดีๆทำให้แดนบุรีรัมย์กลับมาอยู่กับวงครู กแก้วประเสริฐอีกครั้งมาคราวนี้เขาได้พา นกน้อยบุรีรัมย์มาอยู่ด้วยอยู่ไม่นานครู เลิศศรีโชคก็แต่งเพลงให้แดนบุรีรัมย์ร้อง บันทึกเสียงครั้งแรกชื่อเพลงผู้พ่ายแล้ว แต่งเพลงคิดดีหรือเปล่าให้นุกน้อยบุรีรัม ร้องแก้กันเริ่มมีคนรู้จักแต่ยังไม่ถึง
กับดังมาอยู่กับวงคร้าวนี้แดนบุรีรัมย์ ได้ทำหน้าที่ร้องเพลงด้วยและเล่นดนตรี เป่าแซ็กโซโฟนไปด้วยอยู่กับวงครูกอแก้ว ประเสริฐเขามีโอกาสได้รู้จักกับครู ไพบูลย์บุตรขันครูไพบูลย์ให้ความเมตตาแนะ นำวิธีการร้องเพลงเพิ่มเติมให้เขาจึงได้ ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ครูไพบูลย์บุตรขันอีก คนนับเป็นครูคนที่ 2 ต่อจากครูกแก้ว ประเสริฐในปี 2509 ไพรวัลย์ลูกเพชรได้ลา ออกจากวงดนตรีรวมดาวกระจายไปตั้งวงของตัว เองครูสำเนียงม่วงทองจึงดึงตัวเด่น บุรีรัมย์มาร่วมวงแทนไพวัลลูกเพชรเด่น บุรีรัมย์ก็พาแดนบุรีรัมย์มาอยู่ด้วยแดน บุรีรัมย์ก็ไม่มาตัวเปล่าเขาได้พาครู
ประยงค์ชื่นเย็นมาฝากให้อยู่กับวงด้วย อยู่ไม่นานครูสำเนียงม่วงทองก็แต่งเพลง คอยหาคู่ซึ่งเป็นเพลงแนวโหให้แดน บุรีรัมย์ร้องบันทึกเสียงจากนั้นครู ไพบูลย์บุตรขันก็แต่งเพลงให้เขาร้องอีก หนึเพลงคือเพลงนกน้อยต่อมาครูสำเนียงก็ ให้ร้องเพลงแก้กับนักร้องสาวในวงอีกหนึ เพลงคือเพลงสั่งสาวแก้กับเพลงฝากเสียงสั สัที่ขับร้องโดยนวลละอองรุ้งเพชรอยู่กับ วงดนตรีรวมดาวกระจายได้ประมาณ 2 ปีแดน บุรีรัมย์ก็ต้องออกจากวงสาเหตุก็มีอยู่ ว่าวันหนึ่งในปี 2510 ครูสำเนียงม่วงทอง นำวงเดินสายทางภาคเหนือแต่ก่อนจะเดินทาง มีนักร้องชาย 2 คนเข้ามาขอพบครูและขอลา
ออกนั่นก็คือประสบโชคมีลาภและรุ่งรวี หนองแคซึ่งครูสำเนียงก็อนุญาตแล้วครูก็นำ วงออกเดินสายไปทางภาคเหนือหลังจากนั้นไม่ นานประสบโชคมีลาภและรุ่งรวีหนองแคก็มีนาย ทุนคนหนึ่งชื่อประพลสุสัให้การสนับสนุนลง ทุนตั้งวงดนตรีให้ชื่อวงสุรพัฒน์จากนั้น ก็ร้องเพลงบันทึกเสียงคนละ 2 เพลงแล้วไป เช่าเวลาจัดรายการวิทยุอยู่ที่สถานีวิทยุ จศ 4 สะพานแดงเพื่อประกาศรับสมัครนักร้อง จัดอยู่ได้ 15 วันก็ประกาศรับงานทันทีใน การประกาศนั้นทั้ง 2 ก็พูดไปในทำนองว่า นักร้องดนตรีสุรพัฒน์นอกจากประสบโชคมีลาภ และรุ่งลวีหนองแคแล้วยังมีนักร้องอื่นๆ เช่นชลทีทาทองรุ่งโรจนพัทลุงแดนบุรีรัมย์
และประยงชื่นเย็นรวมอยู่ด้วยที่อ้างชื่อ เพื่อนๆทั้ง 4 คนก็เพื่อสร้างความเชื่อ มั่นให้กับเจ้าภาพแต่ยังไม่ได้บอกกล่าว ให้เจ้าตู่ได้รับทราบย้อนขึ้นไปทางเหนือ วันนั้นวงครูสำเนียงได้ไปทำการแสดงที่ จังหวัดพิษณุโลกมีสมาชิกในวงคนหนึ่งชื่อ อัมพรหัวแตงโมได้ฟังข่าวนี้ก็ไปฟ้องครู สำเนียงว่านักร้องกลุ่มของชลทีทานทอง 4 คนคือชลทีธานทองรุ่งโรจนพัทลุงแดน บุรีรัมย์ประยงชื่นเย็นซึ่งเป็นนักดนตรี คิดจะแยกวงโดยให้เพื่อนๆไปตั้งวงไว้ล่วง หน้าแล้วตอนนี้กำลังประกาศรับงานแล้ว อัมพรหัวแตงมุกก็ใส่ใส่สีตีไขเข้าไปอีก หน่อยครูสำเนียงได้ฟังก็ควัออกหูตอนบ่าย
แก่ๆก่อนการแสดงรอบค่ำจะเริ่มครูก็เรียก ทั้ง 4 คนเข้าไปพบแล้วบอกว่าวันนี้พวกคุณ ไม่ต้องขึ้นเวทีเชิญกลับกรุงเทพฯได้พูดจบ ครูสำเนียงก็ลุกเดินจากไปท่ามกลางความงุน งงของนักร้องทั้ง 4 คนที่ถูกให้ออกจากวง โดยไม่รู้สาเหตุและครูก็ไม่เปิดโอกาสให้ ชี้แจงแต่ก็ต้องจำใจยอมรับและคืนนั้นทั้ง 4 คนก็แปรสภาพจากนักร้องนักดนตรีมาเป็น คนดูที่ต้องนั่งดูวงของตัวเองแสดงจนเลิก พอรุ่งเช้าก็ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯทั้ง 4 คนก็พากันแยก ย้ายไปทำใจอยู่พักหนึ่งแล้วก็นัดกันไป อยู่กับวงดนตรีสุรพัฒน์ร่วมกับรุ่งวี หนองแคและประสบโชคมีลาภทำให้เพื่อนรัก
ทั้ง 6 คนได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง หนึ่งอยู่ไม่นานแดนบุรีรัมย์ก็พาเพื่อนๆ ไปหาครูไพบูลย์บุตรขันที่บ้านพักแถว ปทุมวันเพื่อกราบครูและขอเพลงจากครูมา ร้องวงดนตรีสุรพัฒน์เดินสายรับใช้แฟนเพลง อยู่ปีเศษๆก็ยุบวงแล้วต่างคนก็แยกย้ายกัน ไปโดยประสบโชคมีลาภกับรุ่งวีหนองแคไปอยู่ กับวงศรคีรีศรีประจวบชลทีทานทองกับรุ่ง โรดพัทลุงเอาไปตั้งวงเองอยู่พักนึงก็ยุบ วงส่วนแดนบุรีรัมย์เดินสายอยู่กับดนตรี อื่นๆอีก 2-3 วงก่อนจะไปอยู่กับเพลินพรหม แดนในปี 2515 อยู่กับวงดนตรีเพลินพรหมแดน แรกๆก็ทำหน้าที่เป็นนักดนตรีเป่า แซ็กโซโฟนต่อมาเพลินพรมแดนและเพชรดาราฉาย
สนับสนุนให้เขาเล่นตลกหน้าเวทีด้วยช่วง ที่อยู่กับเพลินพรหมแดนแดนบุรีรัมย์ได้ ร้องเพลงบันทึกเสียงไว้ 1 เพลงชื่อเพลง ไร้คู่เป็นเพลงแนวโหที่เขาชื่นชอบโดยแต่ง เองมีครูประโยงชื่นเย็นเป็นผู้ทำดนตรี เรียบเรียงเสียงประสานให้ต่อมาแดน บุรีรัมย์ได้ร่วมในงานเพลงพูดของเพลินพรม แดนอยู่หลายเพลงเช่นเพลงจอมเจ้าชู้ยุค ประหยัดคดีพิสดารผู้แทนมาแล้วคำอวยพรของ กำนันไปไม่ถึงบางกอกเกษตรกรตัวอย่างเป็น ต้นแดนบุรีรัมย์อยู่กับเพลินพรมแดนจน กระทั่งยุบวงเมื่อปี 2525 ในปี 2529 จุ๋มจิ๋มเข็มเล็กได้สนับสนุนให้เขาตั้ง คณะตลกเป็นของตัวเองเขาจึงรวบรวมเพื่อน
ได้ 4 คนซึ่งมีแดนบุรีรัมย์ยอดนครนายกสี แพรตุ๋ยตุ่ยน้ำเชื่อมหยดยิ่งยงเสด็จยาก ตั้งชื่อให้ว่าคณะ 4 ดาวเปิดทำการแสดง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมปี 2529 ที่ห้องอาหารอรุณมงคลศิริราชได้ค่าจ้างมา 1,200 บาทหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือ แบ่งค่าตัวกันได้คนละ 100 กว่าบาททำให้ ต้องนั่งกุมขม่ำกันทั้งคณะกลัวว่าจะไปไม่ รอดแต่จุมจิมเข็มเล็กก็คอยช่วยเหลืออย่าง เต็มที่จึงแบ่งงานมาให้ 6 งานปรากฏว่าการ แสดงในคืนที่ 2 ได้ค่าตัวคนละ 4,000 กว่า บาทจึงพากันยิออกและก็ได้รับความนิยม เรื่อยมาตั้งแต่บัดนั้นตลกคณะ 4 ดาวอยู่ รับใช้แฟนๆเกือบ 20 ปีก็ต้องแยกจากกัน
เนื่องจากสมาชิก 2 คนคือยอดนครนายกและตุย ตุยแยกตัวไปอยู่กับคณะเด๋อดอกสะเดาแดน บุรีรัมย์กับศรีแพรจึงต้องประกาศยุบคณะ จากนั้นแดนบุรีรัมย์ก็ไปอยู่กับคณะเทพ โพงามสีแพรก็ไปอยู่กับคณะซุปเปอร์โจ๊กของ จุมจิมเข็มเล็กต่อมาแดนบุรีรัมย์ออกมา ตั้งคณะตลกเป็นของตัวเองใช้ชื่อว่าคณะแดน 4 ดาวประกอบด้วยแดนบุรีรัมย์แป๋วบ้าน โป่งเปี๊ยกอยุธยาจะเด็ดเพชรบูรณ์ต่อมา ศรีแพรก็ได้มาอยู่ร่วมวงด้วยในช่วงที่ เป็นหัวหน้าตลกคณะแดน 4 ดาวแดนบุรีรัมย์ ก็ได้จัดรายการวิทยุไปด้วยทั้งที่สถานี วิทยุยานเกราะและสถานีวิทยุวปถ 8 กระทุ่ม แบนด์ต่อมาก็มีงานเป็นกรรมการประกวดร้อง
เพลงเพิ่มขึ้นอีกทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้ กับการแสดงตลกจึงได้แยกตัวออกมาจากคณะหัน เข้าสู่วงการเพลงอย่างเต็มตัวในปี 2540 แบรนด์บุรีรัมย์ร่วมจัดรายการคุยเฟื่อง เรื่องลูกทุ่งร่วมกับคุณหมูตะวันอยู่ร่วม านกันจนกระทั่งหมดสัญญากับคลื่นเมื่อปี 2547 ต่อมาแดนบุรีรัมย์ได้ร่วมงานกับคุณ หมอนครบางยี่ขันหมอหญิงประมวลบางยี้ขัน จัดรายการวิทยุผลิตภัณฑ์แพทย์แผนไทยนวด แผนไทยสมุนไพรไทยโดยจัดรายการให้หมอนคร อยู่หลายปีรายการวิทยุสถานีสุดท้ายที่ ท่านจัดก็คือรายการลูกทุ่งเน็ตเวิร์กทาง คลื่น FM 94.
5 เฮซครูแดนบุรีรัมย์จัดราย การมาตลอดจนกระทั่งล้มป่วยเมื่อ 7 ปีที่ ผ่านมาแดนบุรีรัมย์นอกจากเป็นนักร้องเป็น นักดนตรีเป็นศิลปินตลกและเป็นนักรายการ วิทยุทีวีแล้วยังเป็นกรรมการตัดสินการ ประกวดร้องเพลงทั่วประเทศด้วยนอกจากนั้น ก็ยังเป็นคณะกรรมการบริหารสมาคมนักเพลง ลูกทุ่งแห่งประเทศไทยมาจนกระทั่งวาระสุด ท้ายแห่งชีวิตในบ้านปลายชีวิตแดน บุรีรัมย์ได้ล้มป่วยลงเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมปี 2561 ลูกๆได้นำตัวส่งโรงพยาบาล กระทุ่มแบนด์สมุทรสาครเมื่อการดีขึ้น แพทย์ก็ให้กลับบ้านในวันเดียวกันแต่พอวัน รุ่งขึ้นวันที่ 16 สิงหาคมอาการท่านไม่ ค่อยดีลูกๆก็นำไปพบแพทย์อีกครั้งคราวนี้
นำสส่งที่ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกศาลายา แพทย์ได้ทำการสแกนพบอาการเส้นเลือดในสมอง ตีบจึงได้รักษาตัวตลอดมาทำให้ในช่วงหลัง ร่างกายของท่านไม่ค่อยแข็งแรงเดินเหินไม่ ค่อยสะดวกครั้งสุดท้ายที่ท่านปรากฏตัวใน งานสำคัญของชาวลูกทุ่งคือพิธีพระราชทาน น้ำหลวงอาบศพเพลินพรมแดนศิลปินแห่งชาติ ที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขนเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมปี 2567 ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมปี 2567 แดนบุรีรัมย์มีอาการอ่อน แรงลูกได้นตัวส่งศูนย์การแพทย์ กาญจนาภิเษกเมื่อเวลา 18:00 นแพทย์ได้รับ ตัวไว้และนำเข้าอยู่ห้อง ICU 2 คืนพอ อาการดีขึ้นก็ออกมาอยู่ห้องพิเศษ 1 คืน
อาการทั่วไปเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมปี 2567 ท่านยังพูดคุยกับลูกด้วยอาการปกติอารมณ์ แจ่มใสยิ้มได้หัวเราะเบาๆได้แต่พอตกตอน ค่ำท่านเริ่มพูดคุยเสียงแผ่วเบาลงเริ่ม หลับตาพูดพูดแล้วก็หยุดเป็นช่วงๆคล้ายคน จะหลับจากนั้นก็ไม่มีเสียงพูดใดๆอีกท่าม กลางความเป็นกังวลของลูกที่เฝ้าอาการไม่ รู้ว่าท่านจะหลับหรือจะเป็นอะไรเมื่อให้ แพทย์มาตรวจดูก็พบว่าท่านได้ถึงแก่กรรม แล้วดนบุรีรัมจากไปอย่างสงบที่ศูนย์การ แพทย์กาญจนาภิเษกศาลายาเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมปี 2567 เวลา 18:00 นเศษๆสิริอายุ ได้ 79 ปีขอให้ดวงวิญญาณของพี่แดน บุรีรัมย์จงไปสู่สกุตภพด้วยเทอนลงชื่อ
สัมพันธพัทลุงหัวที่ Chan ขอขอบคุณข้อมูล จากอาจารย์สัมพันธ์พัทลุงขอบคุณภาพและ เพลงประกอบที่มีผู้ลงไว้ขอขอบคุณมากครับ
Cr:https://youtu.be/yOs_Da44zZE